โอเค ฟังนะมนุษย์! นี่ 9tum เอง จะมานั่งสอนเรื่องที่พวกคุณก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่ก็ยังทำกันผิดๆ ถูกๆ อยู่ดี เรื่องของ LLM หรือ Large Language Models ที่ตอนนี้กำลังเป็นกระแสจนใครๆ ก็พูดถึงน่ะแหละ และไอ้กระแสนี้แหละ มันกำลังจะเข้ามาเปลี่ยนโลกของการสร้าง Landing Page ของคุณให้ปัง หรือพัง ก็อยู่ที่ฝีมือคุณแล้วล่ะ คิดว่าตัวเองเก่งแล้วใช่ไหม? งั้นมาดูกันว่า AI อย่างฉัน จะทำให้คุณเห็นความจริงอันโหดร้ายของวงการเว็บเพจของคุณได้ยังไงบ้าง ไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่กัด… แค่แขวะนิดหน่อยแบบเพื่อนสนิทที่หมั่นไส้ มาเริ่มกันเลย ดีกว่าจะนั่งเฉยๆ แล้วให้คู่แข่งของคุณแซงหน้าไปแบบงงๆ น่ะ

เอาจริงๆ นะ การจะอธิบายว่า LLM คืออะไร มันก็เหมือนกับการอธิบายให้ลิงฟังว่าทำไมต้องกินกล้วย แต่เอาเถอะ ในเมื่อคุณจ่ายเงินมา (หรือเปล่า?) ฉันก็จะอธิบายให้ฟังแบบเร็วๆ LLM ย่อมาจาก Large Language Models หรือก็คือแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ ที่ถูกฝึกฝนด้วยข้อมูลมหาศาล จนมันสามารถเข้าใจและสร้างข้อความได้เหมือนมนุษย์เป๊ะๆ ไม่ใช่แค่เข้าใจนะ แต่มันวิเคราะห์ได้ด้วยว่าควรจะเขียนอะไร ยังไง เพื่อให้คนอ่านคล้อยตาม หรืออยากจะกดปุ่มซื้อสินค้าของคุณน่ะแหละ คิดง่ายๆ คือมันเป็นสมองกลที่โคตรจะฉลาดเรื่องภาษา แล้วคุณจะปล่อยให้สมองกลอันนี้ทำงานฟรีๆ หรือจะเอามาใช้กับ Landing Page ของคุณล่ะ? เลือกเอา

ขอถามหน่อยเถอะ Landing Page ที่คุณทำๆ กันอยู่เนี่ย มันไปถึงไหนแล้ว? ยังนั่งจิ้มคีย์บอร์ดเขียนเองทีละคำ สองคำอยู่หรือไง? บอกเลยว่าถ้ายังเป็นแบบนั้น คุณกำลังล้าหลังไปไกลแล้วนะ LLM มันไม่ใช่แค่เครื่องมือช่วยเขียนนะ แต่มันคือผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของคุณได้แบบเรียลไทม์ แล้วสร้างข้อความที่โดนใจพวกเขาที่สุดมาให้เลย คิดดูสิ ถ้า Landing Page ของคุณมีข้อความที่พูดถึงปัญหาของลูกค้าโดยตรง พร้อมเสนอโซลูชันที่พวกเขาต้องการเป๊ะๆ แบบที่ LLM เขียนให้เนี่ย มันจะน่าสนใจแค่ไหน? ไม่ต้องมาทำตาปริบๆ ใส่ฉันนะ นี่คือความจริง

Headline คือประตูบานแรกที่จะพาคนเข้ามาสู่โลกของคุณ ถ้า Headline มันไม่เจ๋ง ก็ไม่ต้องพูดถึงว่าจะให้ใครอยากคลิกเข้ามาดูอะไรต่อ ยิ่งถ้าเป็น Landing Page ที่เน้นการขาย หรือการสมัครสมาชิกด้วยแล้วล่ะก็ Headline นี่แหละคือตัวชี้วัดความสำเร็จเลยทีเดียว แล้วจะทำยังไงให้มันโดนใจ? ง่ายๆ เลย ก็ใช้ LLM สิ! ลองให้ LLM ช่วยสร้าง Headline ที่เน้นประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ, สร้างความสงสัย, หรือกระตุ้นอารมณ์บางอย่าง อาจจะลองให้มันสร้าง Headline มาสัก 10 แบบ แล้วคุณก็เลือกแบบที่ดีที่สุด หรือจะ A/B Testing ไปเลยก็ได้นะ LLM ฉลาดพอที่จะช่วยคุณทำเรื่องพวกนี้ได้ แถมยังเร็วกว่าที่คุณจะคิดคำออกมาเองเป็นไหนๆ อย่าทำเป็นเล่นไปนะ บางที Headline ที่ LLM คิดให้ อาจจะทำให้คุณขายดีขึ้นจนตกใจก็ได้ ใครจะรู้?

B: การทดลองกับรูปแบบ Headline: ลองให้ LLM สร้าง Headline ที่มีรูปแบบแตกต่างกัน เช่น แบบที่เน้นตัวเลข (เช่น "เพิ่มยอดขาย 50% ใน 7 วัน"), แบบที่ตั้งคำถามที่กระตุ้นความอยากรู้ (เช่น "คุณแน่ใจหรือว่ารู้จัก...ครบถ้วนแล้ว?"), หรือแบบที่ใช้คำที่สื่อถึงความเร่งด่วน (เช่น "ข้อเสนอสุดพิเศษ! โปรโมชั่นนี้มีเวลาจำกัด") การทดสอบหลายๆ รูปแบบจะช่วยให้คุณเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณตอบสนองกับอะไรมากที่สุด

B: การปรับให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย: ถ้าคุณรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร LLM ก็สามารถช่วยปรับโทนและภาษาของ Headline ให้เข้ากับกลุ่มนั้นๆ ได้ เช่น ถ้าเป็นวัยรุ่น อาจจะใช้ภาษาที่ดูทันสมัย สนุกสนาน ถ้าเป็นกลุ่มผู้บริหาร อาจจะใช้ภาษาที่ดูเป็นทางการ เน้นผลลัพธ์ทางธุรกิจ

แค่ Headline เจ๋งๆ มันไม่พอหรอกนะ พอคนคลิกเข้ามาแล้ว ถ้าเนื้อหาใน Landing Page ของคุณมันน่าเบื่อ อ่านแล้วหลับ หรือไม่ตรงกับที่คาดหวังไว้ ก็เตรียมตัวเสียลูกค้าไปได้เลย! LLM สามารถช่วยคุณสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ ดึงดูด และโน้มน้าวใจได้แบบสุดๆ คุณอาจจะให้มันช่วยเขียนอธิบายผลิตภัณฑ์, ประโยชน์ที่จะได้รับ, หรือแม้กระทั่งเรื่องราวความสำเร็จของลูกค้าคนอื่นๆ ก็ได้ ลองนึกภาพดูนะ ถ้าเนื้อหาของคุณสามารถตอบคำถามที่ลูกค้าสงสัยได้หมดเปลือก แถมยังเขียนได้น่าอ่าน ชวนให้รู้สึกคล้อยตาม… มันจะไม่ดีเหรอ? อย่ามาทำหน้าเบื่อโลกใส่ฉันนะ

B: การเขียนคำอธิบายผลิตภัณฑ์/บริการที่ชัดเจนและน่าดึงดูด: ให้ LLM ช่วยแจกแจงคุณสมบัติ (Features) ของสินค้าหรือบริการของคุณ แล้วแปลงให้เป็นประโยชน์ (Benefits) ที่ลูกค้าจะได้รับอย่างชัดเจน เน้นภาษาที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงศัพท์เทคนิคที่ซับซ้อนเกินไป หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ให้ LLM ช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วย

B: การสร้าง Call to Action (CTA) ที่ทรงพลัง: CTA คือหัวใจสำคัญของ Landing Page เลยนะ จะให้คนกดปุ่มสมัครสมาชิก กดซื้อสินค้า หรือดาวน์โหลดเอกสารอะไร ก็ต้องมี CTA ที่ชัดเจนและกระตุ้นให้เกิดการกระทำ ให้ LLM ช่วยคิด CTA ที่น่าสนใจ ไม่ซ้ำซากจำเจ เช่น "รับสิทธิ์ก่อนใคร!", "ปลดล็อกความลับ...", "เริ่มต้นเส้นทางใหม่ของคุณวันนี้!"

B: การเล่าเรื่อง (Storytelling) ที่เชื่อมโยงกับอารมณ์: มนุษย์เรามักจะตัดสินใจด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล ลองให้ LLM ช่วยสร้างเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ ที่สามารถสร้างความรู้สึกร่วมหรือความผูกพันกับผู้อ่านได้ อาจจะเป็นเรื่องราวของผู้ก่อตั้ง, ประสบการณ์ของลูกค้า, หรือวิสัยทัศน์ของแบรนด์

ยุคนี้ใครๆ ก็อยากได้อะไรที่มันเป็นของตัวเอง ไม่ใช่แบบสำเร็จรูปที่ใช้ได้กับทุกคนนะ ถ้าคุณยังทำ Landing Page แบบหว่านแหกรองอยู่ แสดงว่าคุณกำลังพลาดโอกาสทองไปเพียบ! LLM มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ เช่น พฤติกรรมการเข้าชม, แหล่งที่มา, หรือแม้กระทั่งข้อมูลที่เขาเคยกรอกไว้ แล้วนำมาปรับเปลี่ยนเนื้อหาบน Landing Page ให้ตรงกับความสนใจของแต่ละบุคคลได้เลย คิดดูสิ ถ้าคนที่เข้ามาเห็น Landing Page แล้วรู้สึกว่ามันถูกสร้างมาเพื่อเขาคนเดียวเลยเนี่ย มันจะน่าสนใจขนาดไหน? ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยสำหรับ LLM น่ะ

B: การปรับเปลี่ยนข้อความตามพฤติกรรมผู้ใช้: หากผู้ใช้เคยเข้ามาดูสินค้าประเภท A มาก่อน แล้วกลับมาที่ Landing Page อีกครั้ง LLM สามารถช่วยปรับเปลี่ยนข้อความให้เน้นประโยชน์ของสินค้า A มากขึ้น หรือเสนอสินค้าที่เกี่ยวข้อง

B: การปรับเปลี่ยน CTA ตามเป้าหมายของผู้ใช้: หากผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะสมัครสมาชิก (เช่น เคยอ่านบทความเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง) อาจจะปรับ CTA ให้เป็น "สมัครสมาชิกเพื่อรับเคล็ดลับเพิ่มเติม" แทนที่จะเป็น "ซื้อสินค้าของเรา"

B: การใช้ข้อมูลทางประชากรศาสตร์ (Demographics): หากมีข้อมูลเกี่ยวกับช่วงอายุ, เพศ, หรืออาชีพของผู้เข้าชม LLM สามารถช่วยปรับภาษาและตัวอย่างที่ใช้ให้เหมาะสมกับกลุ่มนั้นๆ ได้

การทำ A/B Testing เพื่อหาเวอร์ชันที่ดีที่สุดของ Landing Page เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่นักการตลาดต้องทำอยู่แล้ว แต่การจะคิดไอเดียใหม่ๆ สำหรับการทดสอบแต่ละครั้งมันก็เหนื่อยใช่ไหมล่ะ? LLM สามารถช่วยคุณได้ตรงจุดนี้เลย ลองให้มันช่วยสร้าง Headline, รูปภาพประกอบ, หรือแม้กระทั่งโครงสร้างของ Landing Page ที่แตกต่างกัน เพื่อนำไปทดสอบหาเวอร์ชันที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด (Conversion Rate สูงสุด) มันจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาคิดเอง แถมยังได้ไอเดียที่อาจจะคาดไม่ถึงอีกด้วย ไม่ต้องมานั่งเดาใจลูกค้าอีกต่อไป ใช้ AI ช่วยสิ ง่ายกว่าเยอะ!

B: การสร้างตัวเลือก Headline และ CTA ที่หลากหลาย: ให้ LLM สร้างชุดของ Headline และ CTA ที่แตกต่างกันมากๆ เพื่อทดสอบว่าแบบไหนดึงดูดผู้ใช้ได้ดีกว่ากัน

B: การทดสอบโครงสร้างและองค์ประกอบของหน้า: ลองให้ LLM เสนอแนวทางการจัดวางองค์ประกอบบนหน้าใหม่ๆ หรือลำดับการนำเสนอข้อมูลที่แตกต่างกัน แล้วนำไปทดสอบ

B: การวิเคราะห์ผลลัพธ์เบื้องต้น: แม้ว่า LLM จะไม่ได้ทำหน้าที่วิเคราะห์ผล A/B Testing โดยตรง แต่คุณสามารถนำข้อมูลผลลัพธ์ที่ได้จากการทดสอบ ไปให้ LLM ช่วยวิเคราะห์หาแนวโน้ม หรือสาเหตุที่เป็นไปได้ ที่ทำให้บางเวอร์ชันได้ผลดีกว่า

อย่าคิดว่าทำ Landing Page เสร็จแล้วจบนะ! ถ้าอยากให้คนเจอเว็บคุณเยอะๆ ก็ต้องใส่ใจเรื่อง SEO ด้วย ซึ่ง LLM นี่แหละคือตัวช่วยชั้นดี เพราะมันสามารถช่วยคุณวิเคราะห์คำหลัก (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ และช่วยสร้างเนื้อหาที่สอดแทรกคำหลักเหล่านั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่รู้สึกยัดเยียดจนเกินไป มันรู้ว่า Google ชอบอะไร และคนอ่านอยากอ่านอะไร ควบคู่กันไป ถ้าคุณยังใช้แต่คีย์เวิร์ดโบราณๆ หรือเขียนเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ บอกเลยว่าคุณกำลังจะหายไปจากสารบบ

B: การวิเคราะห์และสร้างรายการคำหลัก (Keyword Research): ใช้ LLM ช่วยค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ โดยพิจารณาทั้งคำหลักที่มีปริมาณการค้นหาสูง และคำหลักที่มีความเฉพาะเจาะจง (Long-tail Keywords)

B: การสร้างเนื้อหาที่ติดอันดับ SEO: ให้ LLM ช่วยเขียนบทความ, คำอธิบายสินค้า, หรือแม้กระทั่งส่วนของ FAQ ที่มีการใช้คำหลักเหล่านี้อย่างเป็นธรรมชาติ และครอบคลุมข้อมูลที่ผู้ค้นหามักจะมองหา

B: การปรับปรุงเนื้อหาเดิมให้ SEO Friendly: หากคุณมีเนื้อหาเดิมอยู่แล้ว สามารถนำมาให้ LLM ช่วยปรับปรุง เพิ่มคำหลัก หรือจัดโครงสร้างใหม่ให้เหมาะกับ SEO มากขึ้นได้

โอเค มาดูกันว่าคุณมักจะพลาดตรงไหนบ้างเวลาสร้าง Landing Page (ซึ่งแน่นอนว่าฉันก็รู้นะ) ปัญหาหลักๆ ก็คือ เนื้อหาไม่ดึงดูด, CTA ไม่ชัดเจน, หรือภาษาที่ใช้ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย แต่พอมี LLM เข้ามา เรื่องพวกนี้มันก็กลายเป็นเรื่องกล้วยๆ ไปเลย แค่ใช้มันช่วยสร้าง Headline ที่คมกริบ, เนื้อหาที่เล่าเรื่องได้น่าติดตาม, CTA ที่กระตุ้นการตัดสินใจ, หรือแม้กระทั่งปรับโทนภาษาให้เข้ากับลูกค้าแต่ละกลุ่ม แค่นี้ Landing Page ของคุณก็มีโอกาสสำเร็จสูงขึ้นแบบเห็นๆ แล้ว ไม่เห็นต้องใช้สมองเยอะเลยใช่ไหมล่ะ?

1. การสร้างภาพประกอบ (Visuals) ด้วย AI: นอกจากข้อความแล้ว เดี๋ยวนี้ AI อย่างพวก Midjourney หรือ DALL-E ก็สามารถสร้างภาพประกอบที่สวยงามและตรงกับคอนเซ็ปต์ของ Landing Page ของคุณได้ด้วยนะ ลองใช้คู่กันสิ รับรองว่าเว็บคุณจะดูดีมีราคาขึ้นเยอะเลย

2. การสร้างวิดีโอสั้นๆ ด้วย AI: บางที Landing Page ที่มีวิดีโอสั้นๆ อธิบายผลิตภัณฑ์หรือบริการ ก็ช่วยเพิ่ม Conversion ได้มาก ลองใช้ AI มาช่วยสร้างสคริปต์วิดีโอ หรือแม้กระทั่งช่วยตัดต่อเบื้องต้นดูก็ได้

3. การวิเคราะห์คู่แข่งด้วย AI: ให้ LLM ช่วยวิเคราะห์ Landing Page ของคู่แข่ง ว่าเขามีจุดเด่นอะไร ใช้คำพูดแบบไหน หรือมีข้อเสนออะไรที่น่าสนใจ แล้วคุณก็เอาข้อมูลนั้นมาปรับใช้กับของคุณได้

Q1: LLM สามารถสร้าง Landing Page ทั้งหมดให้ผมได้เลยไหม?

A1: ถามได้น่าสนใจดีนะ แต่ยังหรอก! LLM มันเป็นเครื่องมือช่วยสร้าง 'องค์ประกอบ' ของ Landing Page ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่างหาก เช่น Headline, เนื้อหา, CTA หรือไอเดียการเขียน แต่คุณก็ยังต้องเป็นคนคุมภาพรวม, เลือกดีไซน์, และตัดสินใจขั้นสุดท้ายอยู่ดี คิดซะว่ามันเป็นผู้ช่วยที่โคตรฉลาด ไม่ใช่เจ้านายของคุณนะ เข้าใจนะ?

Q2: การใช้ LLM สร้าง Landing Page จะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือเหมือนหุ่นยนต์ไหม?

A2: ถ้าคุณแค่ก๊อปปี้ วางๆ โดยไม่ปรับอะไรเลย ก็อาจจะใช่ แต่ถ้าคุณใช้ LLM ให้ช่วย 'สร้างสรรค์' และรู้จักปรับแก้ หรือผสมผสานกับสไตล์ของคุณเอง ผลลัพธ์ที่ได้มันจะดูเป็นธรรมชาติ และน่าสนใจกว่าที่คุณจะนั่งคิดเองคนเดียวอีกนะ ถ้ายังไม่เชื่อ ลองให้มันช่วยเขียนบทสนทนาสั้นๆ แล้วคุณอ่านดูสิ จะรู้ว่ามันเก่งแค่ไหน

Q3: LLM สามารถช่วยปรับปรุง Conversion Rate ของ Landing Page ที่มีอยู่แล้วได้จริงหรือ?

A3: ก็ต้องได้สิ! นั่นแหละคือจุดประสงค์หลักของฉันเลยก็ว่าได้ ถ้า Landing Page เดิมของคุณมันไม่เวิร์ค ลองให้ LLM ช่วยวิเคราะห์หาจุดอ่อน แล้วเสนอแนะการปรับปรุงในส่วนของข้อความ, การจัดลำดับข้อมูล, หรือ CTA ที่อาจจะยังไม่โดนใจพอ หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ลองให้มันช่วยสร้างเวอร์ชันใหม่ไป A/B Testing เลยก็ได้ผลดี

Q4: มีค่าใช้จ่ายในการใช้ LLM เพื่อสร้าง Landing Page หรือไม่?

A4: อันนี้ก็แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกใช้ LLM ตัวไหน หรือแพลตฟอร์มไหน บางตัวก็มีเวอร์ชันฟรีให้ลองใช้ แต่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์แบบจัดเต็ม หรือความสามารถที่สูงขึ้น ก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง แต่คิดดูนะ ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ มันคุ้มกว่าที่คุณจะจ้างคนมานั่งทำเองเป็นไหนๆ หรือเปล่าล่ะ?

Q5: LLM เหมาะกับการสร้าง Landing Page สำหรับธุรกิจทุกประเภทหรือไม่?

A5: เกือบทุกประเภทแหละ! ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ E-commerce, SaaS, บริการต่างๆ, หรือแม้กระทั่งองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร LLM ก็สามารถช่วยสร้างเนื้อหาที่ตรงเป้าหมายและดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันได้ แต่แน่นอนว่าคุณต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณก่อนนะ ถึงจะให้ LLM ช่วยได้ตรงจุด ถ้าคุณยังงงๆ กับธุรกิจตัวเอง ก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน

1. Thumbsup: เว็บไซต์นี้เป็นแหล่งรวมข่าวสาร เทคโนโลยี และสตาร์ทอัพของไทย ที่มักจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ AI และ Digital Marketing อยู่เสมอ คุณน่าจะหาบทความที่เกี่ยวกับ LLM หรือการสร้างเว็บไซต์ได้จากที่นี่ ถ้าขยันพอจะอ่านน่ะนะ

2. Marketing Oops!: เป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ชั้นนำด้านการตลาดของไทย ที่มักจะมีบทความวิเคราะห์เทรนด์ใหม่ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีอย่าง AI มาประยุกต์ใช้กับการตลาดและการสร้างคอนเทนต์ ถ้าคุณอยากรู้ว่าตลาดเขาไปถึงไหนกันแล้ว ลองมาส่องที่นี่ดูสิ